คุณเคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไมคนเราเกิดมาถึงมีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ชื่อเสียง เงินทอง การยอมรับจากสังคม ความอิสระ ความสงบสุบ หรือเพียงแค่ต้องการเข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่าที่เป็นอยู่ คุณเคยตั้งข้อสงสัยต่อประสบการณ์บทเรียนที่ผ่านมาทั้งชีวิตหรือไม่ว่าสามารถตอบสนองต่อความต้องการแหล่านี้ได้มากน้อยเพียงใด แล้วพอจะมีส่วนที่มีอยู่ แต่ไม่ได้มาจากบทเรียนที่ผ่านมาบ้างหรือไม่ หากใช่ ทำไมสำหรับบางคนมันช่างดูเกินตัวเกินวัย ประสบการณ์ หรือความรู้ที่มี สำหรับบางคนอาจตรงกันข้าม มันมาจากไหน มาได้อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะส่งต่อสิ่งเหล่านั้นไปได้อีกเกินขอบเขตช่วงเวลาที่เราจะมีชีวิตอยู่นี้ หากจะอธิบายด้วยทฤษฎี 6 ระดับขั้นอายุวิญญาณ หรือ Soul Age Theory ซึ่งพูดถึงภพ ชาติต่างๆ

New Souls – จิตวิญญาณใหม่ เป็นชาติแรกๆ ของจิตวิญญาณที่มาเกิด มุ่งเพียงแค่การมีชีวิตรอด มีความเข้าใจชีวิตในระดับพื้นฐาน ยึดติดกับสิ่งต่างๆที่สัมผัสได้ทางร่างกาย จะไม่ค่อยมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง เป็นกลุ่มที่มีกรรมไม่มาก เพิ่มเริ่มสั่งสมกรรม

Child Souls – จิตวิญญาณวัยเด็ก มีลักษณะเป็นคนของสังคม ชอบตามเทรนด์ กระแสข่าว ทำตัวตามสิ่งที่สังคมอยากให้เป็นเห็นว่าใช่  ยึดติดกับสิ่งต่างๆทางวัตถุที่สัมผัสได้ อาจจะงมงายในศาสนาบ้าง แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้มากนัก

Teenage Souls – จิตวิญญาณวัยรุ่น มาจากการเกิดใหม่นับร้อยชาติของจิตวิญญาณวัยเด็ก เริ่มมีความคิดเห็นที่เป็นรูปเป็นร่าง ชอบความเป็นอิสระ ความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยึดติดสังคม แม้จะยังให้คุณค่าตามสังคมอยู่บ้าง แต่ก็จะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น สนใจสิ่งภายนอกรอบตัว เป็นกลุ่มที่อยากลงมือทำจนเห็นผลสำเร็จ และพร้อมจะแบ่งปัน แสดงผลงานให้โลกได้รับรู้ ทั้งนี้ คุณภาพของคนกลุ่มนี้ก็ขึ้นอยู่กับต้นทุนหรือกรรมที่มีอยู่ก่อน อันจะทำให้เป็น Low หรือ High Achiever ซึ่งกรรมมีอยู่ 3 ระดับ (3 Types of Karma) ได้แก่ 1) กรรมที่ผู้เป็นพ่อแม่ที่ได้ทำกับผุ้อื่น แล้วย้อนกลับมาหาทายาท 2) กรรมที่อยู่ในยีนพันธุกรรม (Epigenetics) เช่น การส่งต่อโรคภัยไข้เจ็บข้ามรุ่น 3) กรรมในใจ ซึ่งอาจเกิดจากถูกกระทำผ่านการอบรมสั่งสอนหรือปลูกฝังค่านิยมในวัยเด็ก มักจะส่งผลกระทบต่อจิตใจในทางลบ อาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ความไม่มั่นใจ ความเชื่อ พื้นฐานวิธีคิด ซึ่งจะเป็นตัวปิดกั้นศักยภาพเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่

Adult Souls – จิตวิญญาณผู้ใหญ่ เกิดจากการพัฒนาหลายภพชาติประกอบกับวิกฤต (Life Crisis) ของจิตวิญญาณในวัยเด็ก ที่สูญเสียกำลังความมั่นใจจากความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือความเบื่อหน่ายในความสำเร็จแต่ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการในชีวิตได้อีกต่อไป หรืออาจพบเจอกับจุดเปลี่ยนสำคัญบางอย่าง เริ่มต้องการความสงบในจิตใจ ฟังเสียงเรียกในใจตน (Inner World) คนในกลุ่มนี้มักมีความเครียดความกังวลง่าย สามารถสังเกตเห็น สัมผัสรับรู้อะไรได้มากกว่าคนอื่นๆ ตั้งแต่วัยเด็ก อาจทำให้รู้สึกแปลกแยก รู้สึกหาคนเข้าใจตนได้ยาก ในทางกลับกันคนกลุ่มนี้กลับเปิดโลกทัศน์ ค่อนข้างรับฟังความรู้ ไอเดียใหม่ๆ มีวิสัยทัศน์ที่มากกว่าคนทั่วไป มีความเข้าใจและเป็นห่วงเป็นใยไม่เพียงแค่ประเด็นในระดับส่วนตัว ครอบครัว หรือสังคมรอบข้าง แต่เป็นระดับโลกหรือมหภาค จิตวิญญาณในระดับก่อนหน้านี้อาจจะให้ความสำคัญกับตรรกะเหตุผล แต่ในระดับนี้ ใจเป็นที่สิ่งสำคัญและเป็นกำลังหลักที่จะทำให้จิตวิญญาณพัฒนามากยิ่งขึ้น สำหรับบางคน อาจมีปัญญาในระดับที่สามารถปลุกผู้อื่นหรือจิตสำนึกส่วนรวม (Raise Collective Consciousness) ได้

Old Souls – จิตวิญญาณวัยชรา เป็นกลุ่มที่ไม่เพียงมีความเข้าใจคน เข้าใจสังคม เข้าใจโลก แต่ยังเข้าใจได้ถึงสรรพสิ่งในธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง คนกลุ่มนี้มีชีวิตเพื่อผู้อื่น มีเป้าหมายที่จะปลุกผู้อื่นให้ตื่นรู้ (Raise Collective Consciousness) มุ่งสู่การตื่นรู้สมบูรณ์แบบ (True Awakening) ไปจนถึงการตรัสรู้ ทั้งนี้ การตื่นรู้จะยิ่งทำให้ชีวิตทุกข์ ยุ่งเหยิง เข้ากับคนยากขึ้น มีเรื่องกรรมในใจที่ต้องการเผชิญเพื่อกำจัดมันมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าสามารถยกระดับจากตื่นรู้ไปสู่การตื่นรู้สมบูรณ์แบบได้ ชีวิตจะง่ายขึ้น มีความอิสระ มีความสุข จะดำนินชีวิตตามเป้าประสงค์ (Purpose) ของตน ทำในสิ่วที่ตนรัก ให้คุณค่ากับคนเองและผู้อื่น

Elder Souls – จิตวิญญาณโบราณ เป็นกลุ่มของคนที่ตรัสรู้แล้ว มีเป้าหมายที่ยังคงกลับมาเกิดเพียงแค่ต้องการปลุกคนเพิ่มขึ้นอีก

ตามหลักแล้ว การเติบโตและพัฒนาในแต่ละช่วงของระดับจิตวิญญาณสามารถเร่งกระบวนการได้โดยผ่าน Inner Work และ Soul Work เพื่อไปให้ถึงหมุดหมายปลายทางหนึ่งเดียวของทุกคน คือการตรัสรู้ (Enlightenment) แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ในตอนนี้คงต้องอยู่กับปัจจุบัน มองให้เห็นถึงความเป็นจริง สิ่งที่เป็น ปัญหาหรือกรรมอะไรที่ติดค้างแล้วจำเป็นต้องปลดมันทิ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ระดับจิตวิญญาณขอเรายังคงไปไม่ถึงไหน หากยังไม่พบเจอจริงๆ ก็ควรเริ่มต้นจากการมองหาโอกาสที่จะพัฒนาตนเองไปพลางเสียก่อน สุดท้ายแล้ว บุญที่สูงที่สุดอาจไม่ใช่การบริจาค การช่วยเหลือใครต่อใคร หรือการทำความดีตามรูปแบบที่เราคุ้นเคย แต่อาจจะเป็นการทำให้ตัวเองเป็นคนดีขึ้น มีความเห็นแก่ตัวที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น เพราะจะส่งผลให้ชีวิตคนรอบข้างเราดีขึ้น ขยายผลในเชิงปริมาณออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้โลกสว่างขึ้น สั่นไหวมากขึ้น จนเต็มไปด้วยคนที่มีระดับจิตวิญญาณโบราณ (Elder Souls) ในยุคทอง (Golden Age) ซึ่งตรงกันข้ามกับยุคที่ขาดแคลนคนที่มีระดับจิตวิญญาณโบราณ หรือที่เรียกกันว่า ยุคมืด (Dark Age)