หลายปีที่ผ่านมา หนึ่งในหนังสืออ่านนอกเวลาที่ผมโปรดปรานคือเรื่องทีเกี่ยวข้องกับการมีอยู่ของพระเจ้า ในหลายๆมุมมองคิดว่าพระเจ้ามีในรูปของการมีตัวตนซึ่งมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ บางมุมมองก็เชื่อว่ามีพระเจ้าแบบเชิงสัญลักษณ์หรืออาจเป็นการเปรียบเปรย บางมุมมองก็แย้งว่าไม่มีเลย โดยอาจจะอ้างถึงความจำเป็นต้องมีความเชื่อนี้ที่ถูกสร้างแล้วปลูกฝังกันมา หรือไม่ก็ออกเป็นแนวการเมืองไปเลย คุณลักษณะหรือคุณสมบัติของพระเจ้าเป็นอย่างไรไม่มีความน่าสนใจในการนำมาพิจารณาในบทความนี้ แต่เงื่อนไขหรือลักษณะหรืออะไรก็แล้วแต่ของการมีอยู่ของพระเจ้าที่ตราตรึงในความคิดของคนทุกสมัยคือการมีอยู่หนึ่งเดียว มีพลังอำนาจในการดลบันดาล การกำหนด การสร้างสรรค์ ไปสู่คนสามัญที่มีอยู่มากมาย เป็นแบบ one-to-many เราไม่มีทางรู้ด้วยสามัญปัญญาของเราว่าพลังอำนาจของพระเจ้ามาจากไหน แต่ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนี้ ได้พัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อตอบสนองกิเลสมาถึงจุดที่โมเมนตัมเปลี่ยนจากการที่ผู้ผลิตมีอำนาจสู่ยุคการมีอำนาจเหนือกว่าโดยผู้บริโภค จากคำกล่าวที่มักจะมาทางฝั่งผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการว่า ลูกค้าคือพระเจ้า (แม้ว่าผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นลูกค้าหรือผู้บริโภคยัง ทำตัวไม่ค่อยจะถูกในฐานะที่ถูกยกย่องนี้) นั่นหมายความว่าพระเจ้าในยุคนี้มีอยู่เกลื่อน ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจดลบันดาลสิ่งต่างๆ เพราะมีคนคิดและผลิตมาสนองเราอยู่รอบตัว รูปแบบจึงเปลี่ยนไปเป็น many-to-many แต่หากจะพิจารณาเฉพาะตัวเราในฐานะผู้บริโภคเพียงคนเดียวก็จะเป็น many-to-one ซึ่งถ้าสังเกตเทียบกับ one-to-many ในตอนต้นได้ว่า one แทนความเป็นพระเจ้า many แทนความเป็นสามัญชน สรุปคือปัจจุบันกับแนวโน้มที่คงที่ไประยะหนึ่ง (ฮึ่ม เปิดประเด็นทิ้งไว้) คือผู้บริโภคที่พิจารณาแค่เราหนึ่งเดียวจะเสมือนเป็นพระเจ้าตามที่ผู้ผลิตที่รังสรรค์สินค้าออกมามากมายสนองความต้องการของ โดยเรายัดเยียดให้เราเป็น อย่างงๆ … งงไหมเอ่ย