เราทุกคน ไม่ว่ายากดีมีจน ล้วนปรารถนาถึงการมีชีวิตที่ดีงาม ซึ่งแต่ละคนมีความเข้าใจถึงชีวิตที่ดีงามแตกต่างกันไป บ้างก็หมายถึงชีวิตที่ถึงพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือมีครอบครัวที่อบอุ่น หลายท่านเพียรพยายามเพื่อบรรลุถึงชีวิตที่ดีงามดังกล่าว สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะให้ความสำคัญกับการทำให้ชีวิตมีความสุข
ไม่ว่าจะเป็นความสุขนั้นจะมากน้อยเพียงใด สิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือ เราทุกคนต้องตาย หากแต่เราจะจัดการตายนี้ให้อยู่ในหมวดหมู่ของความสุขในชีวิตหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้เรามักจะคำนึงถึงแต่เรื่องการอยู่ดี แต่มองข้ามเรื่องการตายดีไป แท้ที่จริงแล้วอยู่ดีกับตายดีเป็นเรื่องเดียวกัน จึงพลาดโอกาสของการจัดการตาย ให้อยู่ในหมวดหมู่ของความสุขในชีวิตไป การตายดีนั้นไม่มีเคล็ดลับ มีแต่เพียงการเตรียมพร้อมที่ดีก่อนการตายจะมาเยือน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าถึงสิ่งที่รู้ล่วงหน้าไม่ได้ 5 ประการ ได้แก่ ไม่รู้จะตายด้วยเหตุใด ที่ไหน อย่างไร ด้วยอายุเท่าไร และตายแล้วจะไปไหน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราไม่สามารถจะเลือกได้ การพร้อมตายเท่านั้น ที่พวกเราสามารถบริหารจัดการให้มีคุณภาพได้ เราจึงควรตระหนักและรำลึกไว้เสมอว่า ชีวิตนั้นไม่เที่ยง การทำหน้าที่ในขณะมีชีวิตอยู่คือการใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ให้คุ้มค่ากับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
มรณสติหรือมรณานุสติ จัดว่าเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่งเพื่อระลึกถึงความตายอยู่เสมอ เพื่อให้ไม่ประมาทต่อการใช้ชีวิต การเจริญมรณสติอยู่เป็นประจำ จะทำให้ความตายกลายเป็นมิตรที่จะเคี่ยวเข็ญเราให้ใช้ทุกลมหายใจอย่างมีคุณค่า มรณสติมีสองส่วน ได้แก่ การระลึกถึงความจริงว่าเราจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว และการสอบทานตัวเราเองว่าพร้อมตายหรือยัง ประโยชน์ของการเจริญมรณสติ มีอยู่สามประการ ได้แก่ การทำให้เราขวนขวายในสิ่งที่เราชอบผัดผ่อนด้วยการมีเส้นตายมากำกับ การปล่อยวางในสิ่งที่เราชอบยึดติดด้วยความรักหรือความพึงพอใจที่มีต่อสิ่งนั้น และการเตือนให้เล็งเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน