Growth Hacking กลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานระหว่าง Creative Marketing (การตลาดแบบทำน้อยแต่ได้มาก) Behavioral Psychology (จิตวิทยาพฤติกรรมผู้บริโภค) Data & Analytics (การวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูล) แล Technology & Automation (การใช้เทคโนโลยีทุ่นแรง) กล่าวคือ เป็นการผสมผสานระหว่างการทำการตลาดที่ดี (ศิลปะ) โดยการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแท้จริงจากการติดตาม และวิเคราะห์ข้อมูล (วิทยาศาสตร์) หัวใจสำคัญของ Growth Hacking จะให้ความสำคัญกับความเร็วเป็นอันดับแรก ทำงานและลงทุนกับคนเก่งเท่านั้น พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

Growth Hacking ต้องการทำความเข้าใจลูกค้าทั้งในด้านเชิงปริมาณ (Quantitative) และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ซึ่งเครื่องที่สำคัญที่สุดของการทำความเข้าใจคือ Funnel

Funnel เป็นการแบ่งประสบการณ์ลูกค้าออกมาเป็นส่วนๆ ตั้งแต่เริ่มต้นที่รู้จักสินค้าบริการ มีการใช้งาน จนจบการใช้งาน ตัวอย่างของ การวิเคราะห์เชิงปริมาณ เช่น จำนวนผู้ใช้งานเข้ามาในขั้นตอนแรก มีคนกดไปหน้าต่อไป 50 คน คิดเป็น 50% แต่มีคนกดไปต่อเพียง 10 คน คิดเป็นแค่ 20% จากขั้นตอนนี้ อาจทำให้เราก็เริ่มตระหนักถึงคอขวดของเราว่าอยู่ที่ขั้นตอนไหน นำมาสู่การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเชิงคุณภาพ (Qualitative) เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกว่า ลูกค้าชอบไม่ชอบเพราะอะไร รู้สึกเนื้อหา หรือ interface ส่วนไหนที่ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดี และสุดท้าย เราต้องตั้งสมมติฐาน (Assumption) ในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และทำการทดสอบเพื่อให้ได้ผลตอบรับของลูกค้าที่ดีขึ้น

ในส่วนของคนที่ทำงานด้านนี้ จะเรียกว่า Growth Hacker คือ กลุ่มคนที่จะทำหน้าที่ในการทำ Growth Hacking ให้กับธุรกิจของคุณ ด้วยเป้าหมายการทำงานเพียงอย่างเดียวคือ การทำให้ธุรกิจเติบโตโดยใช้เวลาเร็วที่สุดด้วยทุกวิถีทาง ซึ่งทักษะที่ดีของ Growth Hacker ที่จะต้องมี ได้แก่

  1. ความคิดสร้างสรรค์ และความคิดที่เป็นระบบ
  2. ความเข้าใจทางด้านการตลาด เข้าถึงผู้บริโภค
  3. ความสามารถในการใช้เครื่องมือในการติดตามข้อมูล พฤติกรรมผู้บริโภค

กลไกที่จะทำให้การทำ Growth Hacking ประสบความสำเร็จ ได้แก่ กระบวนการ Growth Process เปรียบเหมือนการระดมความคิดของคนในทีมทุกคน ทุกระดับ ให้ช่วยกันสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ โดยเริ่มด้วยการกำหนดเป้าหมายที่เป็น Growth Rate ให้ทุกคนทุกคนลิสต์ไอเดียออกมาแล้วทำการคัดเลือกไอเดียนั้น โดยใช้คะแนนหลักการตัดสินใจ เช่น ICE Score (I = Impact สิ่งที่คิดนั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเพียงใด / C = Confidence มั่นใจแค่ไหนว่าสิ่งที่คิดจะเป็นไปตามแผน / E = Ease ความยากง่าย ขอสิ่งที่เราคิด) จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการสร้างสรรค์ เมื่อโครงการใกล้เสร็จก็ลองทดสอบกับกลุ่มเป้าหมายเล็กๆ ดูก่อน เพื่อทำการปรับปรุงต่อไป

นอกจากนี้อาจพิจารณาถึง Growth Tactics หรือวิธีที่จะทำให้เกิดการเติบโตให้แก่ธุรกิจ โดยต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นสาวกของสินค้า เช่น AARRR Funnel (หรือเรียกว่า Growth Hacking Funnel) ซึ่งถือเป็น Funnel ที่จะทำให้คุณได้รู้ถึง Customer Journey ได้ชัดเจน หรือ Framework ที่เข้ามาแทนที่ในระยะหลังนี้ คือ “Growth Loop” ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ Loop ที่ไม่มีวันจบ ทั้งนี้ มีครื่องมือสำหรับ Growth Process Management ให้เลือกใช้มากมายสำหรับการดูแลภาพรวมขององค์กรทั้งหมด การจัดการการทำงานในแต่ละวัน (Task Management)  การจัดการเรื่องทรัพยากรบุคคล การวัดผลขององค์กร ( KPI , OKRs) ตัวอย่างเครื่องมือที่ง่ายและฟรี เช่น ClickUp , Google Sheet และ Trello เป็นต้น