หากเราลองเขวี้ยงสิ่งของใดก็ตาม ไม่ว่าจะทิศทางใด สิ่งนั้นย่อมตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ แม้จะไม่ใช่การกระทำที่มาจากมนุษย์ เช่น น้ำตก ก็ยังตกจากยอดสู่ธารเบื้องล่างเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ แม้แต่กระแสไฟฟ้าก็ยังไม่เว้น อาจกล่าวได้ว่า อะไรที่มีพื้นฐานเป็นมวลสาร ย่อมมีน้ำหนัก และขึ้นอยู่กับกฏของแรงโน้มถ่วง แล้วอะไรหละที่ไม่ขึ้นกับกฏดังกล่าว ก็น่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้หรือไม่มีมวลนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว ความคิดกับความต้องการของมนุษย์ก็คงจะไม่เป็นไปตามกฏแรงโน้มถ่วงสินะ เพราะยากมากที่จะมีคนใฝ่ต่ำเป็นพื้นฐานหากไม่ผิดปกติ ทุกคนไม่ว่าจะมาจากที่ต่ำหรือสูงเพียงใดก็ยังคงฝืนแรงโน้มถ่วงทุกชนิดเพื่อให้ขึ้นสูงได้อีก แต่ … ช้าก่อน ก็ยังอุตส่าห์มีคนทำให้เกิดเรื่องด้วยการรวบรวมเอาความคิด ความต้องการที่ตรงกันของคนเราเข้าด้วยกัน เช่น อุปทานหมู่ การตลาดรวมกลุ่ม (Mass Marketing) ซึ่งภาพรวมอาจจะดูเป็นการผลักดันกลุ่มให้สูงขึ้น แต่ประเด็นอยู่ที่รายบุคคลนั้น ศักยภาพการแข่งขันดูจะตกลงเมื่อเทียบกับปริมาณผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่เพิ่มขึ้น นี่ก็อาจพิสูจน์ได้ครึ่งหนึ่งว่า ความคิดกับความต้องการ รวมไปถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ไม่มีมวลสาร อาจแปลงให้อยู่ในรูปที่มีคุณลักษณะเฉกเช่นสิ่งที่มีมวลสารและอยู่ภายใต้กฏแรงโน้มถ่วงได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่า ความคิดความอ่านนั้น มีมวล มีน้ำหนักในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่เบามากเช่นน้ำหนักของแสง หรือมันอาจจะเป็นแสงนั่นแหละ … ประจุไฟฟ้ารวมกันเป็นกระแสไฟฟ้าก็ควบคุมได้ด้วยอุปกรณ์ที่มีศักย์ไฟฟ้าต่างกัน ความคิดความต้องการของคนเราก็ถูกควบคุมได้ด้วยวิธีการบางอย่างเมื่อถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นอุปทานหมู่ หากไม่อยากถูกควบคุมชักใย ก็ต้องฝึกความเป็นปักเจกไว้บ้าง เสียงข้างมากแห่งประชาธิปไตยรึ… ระวังไว้บ้างก็ดี