คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของการดำรงชีพ มีความสำคัญมากเพียงใด แน่นอนว่าบ้านที่ดีที่เหมาะสม จะส่งผลกระทบในทางบวกต่อคุณภาพชีวิตของตนและครอบครัวในระยะยาว ดังนั้น การเลือกซื้อบ้านสักหลัง ควรพิจารณากันอย่างพิถีพิถัน จะต้องมองอย่างรอบคอบและรอบด้าน ซึ่งโดยทั่วไป​แล้ว ความชอบ ไลฟ์สไตล์ ธุรกรรมที่จำเป็นในช่วงเวลานั้น และกำลังทรัพย์ที่มี คือองค์ประกอบหลักในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจ แต่หากจะลองพิจารณาด้านโอกาสในการเพิ่มมูลค่าของบ้านในอนาคต ประกอบกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเราและครอบครัวแบบรอบด้านกันเพิ่มเติมสักนิด จะพบว่า สถาปัตยกรรมชีวิตแบบบูรณาการ (Integrated Life Architecture หรือ ILA) สามารช่วยคุณได้เป็นอย่างดี เพราะมันได้ถูกออกแบบมาบนหลักการของการคำนึงถึงลูกค้าและผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ซึ่งสามารถปรับแต่งองค์ประกอบให้เข้ากับความชอบหรือความเหมาะสมได้ตามแต่ละบุคคล โดยภาพรวมนั้น ILA จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ กิจกรรมหลัก (Activity) และมิติสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต (Dimension) หากที่อยู่อาศัยสามารถเอื้อประโยชน์ให้กิจกรรมต่างๆสะดวกมากขึ้น แน่นอนว่าวิถีชีวิตเราคงดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เดิมไม่มากก็น้อย เป็นต้นว่า บ้านใกล้ที่ทำงานเดินทางไม่กี่อึดใจ ทำให้เรามีเวลาเหลือทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากเวลาที่เสียไปกับการเดินทาง ส่วนมิติหรือองค์ประกอบนั้น มีปัจจัยหลายสิ่งประกอบเข้าด้วยกัน แต่ในแง่ของที่อยู่อาศัยอาจสรุปได้ว่า สถานที่รอบข้างที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่บ้านและอำนวยความสะดวกแก่การดำเนินชีวิตตามองค์ประกอบหรือปัจจัยเหล่านั้น ยิ่งใกล้กับสถานที่พักอาศัยมากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลดี

ตัวอย่างของสถานที่ที่ว่านี้ อาทิเช่น พิพิธภัณพ์ส่งเสริมจินตนาการและเพิ่มพูนความรู้ ห้างสรรพสินค้าแหล่งรวมความบันเทิงและพบปะสังสรรค์ทั้งกับเพื่อนทั้งครอบครัว ย่านออฟฟิศทำให้เดินทางไปทำงานได้สะดวกรวดเร็ว สถาบันการเงินรอบตัวที่ไม่ทำให้พลาดโอกาสและความสะดวกของธุรกรรมทางการเงิน หรือจะเป็นฟิตเนส สปา สวนสาธารณะ เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับยามว่างจากการทำงาน … ท้งหมดนี้ จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์กับคุณภาพการดำเนินชีวิตที่ดี ได้เป็นอย่างดี