แผนที่นำทาง หรือโร้ดแมป (Roadmap) เป็นวิธีการเชิงกลยุทธ์ในการเชื่อมกลยุทธ์ทางธุรกิจเข้ากับองค์ประกอบส่วนต่างๆขององค์กรให้สามารถขับเคลื่อนไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ โดยจะต้องพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของปัจจัยสำคัญในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (ปัจจัยภายนอก) และสมรรถนะขององค์กรที่มีอยู่ แผนที่นำทางมีการนำมาใช้ได้หลายระดับชั้น (ระดับประเทศ ระดับอุตสาหกรรม ระดับสินค้าบริการ) หลายวัตถุประสงค์ หลายบริบท อาทิเช่น หากเป็นการมุ่งเน้นถึงเทคโนโลยี ซึ่งในปัจจุบันนับได้ว่าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่ส่งผลต่อความสามารถทางการแข่งขันของทุกองค์กร ก็จะเรียกแผนที่นำทางนั้นว่า แผนที่นำทางเทคโนโลยี (Technology Roadmap) ซึ่งจะเน้นไปที่องค์ประกอบด้านเทคโนโลยีและทรัพยากรที่สนับสนุนต่อการวิจัยและพัฒนา (ปัจจัยภายใน) เป็นหลัก
กระบวนการจัดทำแผนที่นำทาง หรือที่เรียกว่า Roadmapping จะได้ผลลัพธ์ออกมาในรูปของแผนภาพที่เรียกว่า แผนที่นำทาง ดังแสดงได้ดังรูปอย่างง่ายทั่วไป (Gerenic format) ดังนี้
ลักษณะของแผนที่นำทางจะประกอบด้วยปัจจัยประกอบที่ถูกจัดกลุ่มตามปัจจัยใน (ด้านล่าง) ออกสู่ปัจจัยภายนอก (ด้านบน) โดยถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในการทำแผนพัฒนาทั้งในระดับหน่วยงาน องค์กร และอุตสาหกรรมโดยมีวัตถุประสงค์/ประโยชน์ต่างๆ ได้แก่
- การเชื่อมโยงกลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business strategy) และกลยุทธ์ด้านอื่นเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การพัฒนาองค์กรสามารถดำเนินควบคู่กันไปในทิศทางเดียวกันในทุกส่วน
- การทำแผนที่นำทางการช่วยให้องค์กรพิจารณาถึงจุดแข็งและให้ความสำคัญในการวางแผนที่จะพัฒนาเสริมสร้างความสามารถให้เหนือกว่าคู่แข่งได้
- การมุ่งเน้นถึงลำดับความสำคัญและความต่อเนื่องขององค์ประกอบหรือแผน ทำให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ
- แผนที่นำทางช่วยผู้บริหารให้มองเห็นภาพรวมขององค์กรได้ชัดเจน เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน การกำหนดทิศทาง และการตัดสินใจ
- เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารภายในองค์กรให้เข้าใจได้ตรงกัน
- กระบวนการทำแผนที่นำทางสามารถระบุถึงศักยภาพในการนทรัพยากรที่มีอยู่เดิมกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี
- การส่งเสริมการมีส่วนร่วม (participation) และความรู้สึกเป็นเจ้าของ (ownership) ของพนักงานในโครงการต่างๆ